3000 BC OF JADE หยกมาจากไหน?
” หยก ” คืออัญมณีแห่งสวรสวรรค์
3000 BC OF JADE หยกมาจากไหน? เนื่องจากบรรพชนจีนนั้น เชื่อว่าหยกเป็นหินที่กำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกับโลก และได้ดูดซับพลังของจักรวาล มานานหลายล้านปี ดังนั้นสำหรับพวกเค้าแล้ว ” หยก ” จึงเปรียบว่าเป็นตัวเชื่อมของโลก กับจักรวาลเข้าด้วยกัน เพราะความเชื่อที่ว่าทั้งสองโลกนั้น เกี่ยวพันกันคล้ายกับความสว่าง และความมืด จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดย่อมไม่ได้ สำหรับคนจีนยุคก่อนประวัติศาสตร์ กล่าวคือยุค Hongshan และ Liangzhu หยกเปรียบได้กับเครื่องมือ ที่พวกเค้าใช้ในการสื่อสารหรือขอพรจากฟากฟ้า บรรพชน รวมไปถึงพลัง ที่อยู่เหนือสิ่งที่พวกเค้าเห็น หรือ ที่เข้าใจง่ายๆโดยไม่ต้องเชื่อมโยงกับศาสนาใดๆ ว่าเป็นพลังแห่งจักรวาลนั่นเอง เราคนไทยมีคำพูดว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ แล้วใจไม่อยู่ในอกหรือ? มันเลยกลับมาถึงเครื่องหมาย ” หยินหยาง ” ที่แสดงให้เห็นถึงความสมดุลในธรรมชาติ และความงามของความแตกต่าง คนสามารถเป็นคนดีได้ และก็สามารถเป็นโจรได้ เช่นเดียวกับในหมู่โจร ย่อมมีสัจจะและคุณธรรม สิ่งสำคัญ คือมุมมองของเราที่มีกับสิ่งแวดล้อม

หยกถูกเปรียบเป็นสะพานอันแสนมหัศจรรย์ที่จะช่วยเชื่อมสวรรค์กับโลกไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนั้นแล้ว พวกเขายังเชื่อว่า บรรพบุรุษของเขาจะเดินทางไปสู่สวรรค์ได้ก็ต้องอาศัย “หยก” เป็นสื่อสำคัญ
ดังนั้น ชาวจีนจึงมักจะทำป้ายชื่อ หรือ ป้ายประจำตระกูลของตนขึ้นมาจากหยก โดยแกะสลักหยกเป็นชื่อเสียงเรียงนามของตนเอาไว้เสร็จสรรพ และความเชื่อในเรื่องป้ายหยกนี่เอง ที่ทำให้พวกเขาคิดว่าเป็นวิธี หรือ เส้นทางที่จะพาพวกเค้าไปสู่ภพภูมิที่ดีในชีวิตหลังจากอายุขัยบนโลกหมดลง

ก่อนที่ความเชื่อดังกล่าวจะส่งผ่านมาสู่สามัญชนนั้น จักรพรรดิจีนทรงเป็นผู้ที่ถือปฏิบัติตามความเชื่อเช่นว่านั้น อย่างเคร่งครัดมาก่อน โดยที่องค์จักรพรรดิจีนแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้น จะใช้หยกเป็นส่วนประกอบในการทำพระราชพิธีสำคัญต่างๆนานา เนื่องจากทรงเชื่อว่าหยกนั้นจะเป็นตัวแทนที่จะนำสิ่งดีงามจากสรวงสวรรค์มาตามเส้นทางแห่งหยก สิ่งที่เป็นความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ โชคลาภ และ ความมั่งคั่ง ดังนั้นใครที่มีเครื่องมือนี้จะมีแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ดังนั้น การที่จะเข้าใจวัฒนธรรมจีนได้ต้องเข้าก่อนว่า โลกและดวงดาวต่างๆล้วนต้องหมุนรอบดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับ ประเทศจีนและวัฒนธรรมจีนตั้งแต่สมัยยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ล้วนแต่หมุนรอบอัญมณีศักดิ์สิทธ์ที่พวกเค้าเรียกว่า หินจากสวรรค์ นั่นเอง
